วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าละ

พรุ่งนี้ตื่นสายไม่แย้วอ่า เฮ้อ
ไปละบายค่ะทุกคนง่วงแล้วอ่า
บายค่ะ

ใครไปดูเรื่อง"พ่อครัวจี๊ด หัวใจคับโลก"มาแล้วบ้างค่ะ











ใครไปดูเรื่อง"พ่อครัวจี๊ด หัวใจคับโลก"มาแล้วบ้างเอ่ย สำหรับคนที่ไปดูมาแล้วนะค่ะสนุกหรือป่าวเอ่ย วันนี้ก็มีรูปมาให้ดูด้วยค่ะ

เย้~พรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนแย้วดีใจจังเลย

พรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนแล้วดีใจจังเลยอ่า อยากไปๆ
"ไปละค่ะบายค่ะ"

ตะแคงขวา ท่าสุดสบาย แถมดีต่อสุขภาพ


แพทย์ศิริราช แนะท่านอนที่ทำให้หลับสบาย ตื่นขึ้นมาสดชื่น “ นอนตะแคงขวา ” ช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก บรรเทาอาการปวดหลัง ส่วนผู้ถนัดนอนตะแคงซ้าย อาจทำให้เกิดลมจุกเสียดที่ลิ้นปี่ แนะกอดหมอนข้างพร้อมพาดขา ป้องกันขาชาจากการนอนทับเป็นเวลานาน

นพ.ชนินทร์ ลีวานันท์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือ การนอนหลับ มนุษย์ใช้เวลาเพื่อนอนหลับถึง 1ใน 3 ของอายุขัย ขณะนอนหลับ ท่านอน เป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลให้ผู้ นอนหลับ สนิทตลอดคืน และตื่นนอนด้วยความสดชื่น ไม่รู้สึกปวดเมื่อย ซึ่งโดยปกติคนทั่วไปคนเรานิยมนอนหงาย เพราะเป็น ท่านอน มาตรฐาน การนอนหงายที่เหมาะสมนั้น ควรใช้หมอนต่ำและต้นคอควรอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว เพื่อไม่ให้ปวดคอ อย่างไรก็ตาม ท่านอน หงายไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคปอดและโรคหัวใจ เพราะกล้ามเนื้อกระบังลมจะกดทับปอดทำให้หายใจไม่สะดวก ส่งผลทำให้การทำงานของหัวใจลำบากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้มีอาการปวดหลังการนอนหงายในท่าราบจะทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้นด้วย

นพ.ชนินทร์ กล่าวว่า สำหรับท่านอนที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับ ท่านอน อื่น ๆ คือ ท่านอน ตะแคงขวา เพราะจะช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก และอาหารจากกระเพาะจะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ส่วน ท่านอน ตะแคงซ้ายซึ่งจะช่วยลดอาการปวดหลังได้ แต่ควรกอดหมอนข้าง และพาดขาไว้เพื่อป้องกันอาการชาที่ขาซ้ายจากการนอนทับเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม ท่านอนตะแคงซ้ายอาจทำให้เกิดลมจุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ เนื่องจากอาหารที่ยังย่อยไม่หมดในช่วงก่อนเข้านอนคั่งค้างในกระเพาะอาหาร ส่วน ท่านอน คว่ำเป็นท่าที่ทำให้หายใจติดขัด ทั้งยังทำให้ปวดต้นคอ เพราะต้องเงยหน้ามาทางด้านหลังหรือบิดหมุนไปข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องนอนคว่ำจึงควรใช้หมอนรองใต้ทรวงอก เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยต้นคอ.



น้ำสำคัญแค่ไหน



การดื่มน้ำนอกจากจะทําให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสแล้ว ยังทําให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทํางานได้ดีอีกด้วย

ใน 1 วัน ควรดื่มเท่าไหร่

ในทุก ๆ วัน ร่างกายจะต้องสูญเสียน้ำผ่านทางการหายใจและการขับถ่าย จึงเป็นสิ่งที่จําเป็นมากที่จะต้องรับน้ำเข้าไปเพื่อทดแทนส่วนที่เสียไป และโดยปกติเราจะเสียน้ำจากการปัสสาวะเฉลี่ยวันละประมาณ 1.5 ลิตร และอีกเกือบถึง 1 ลิตรสำหรับ การหายใจและเหงื่อ ซึ่งถ้าคุณดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร (ประมาณ 8 แก้ว) ก็จะช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำในส่วนนี้ได้

แต่สําหรับปริมาณน้ำที่ควรดื่มให้ได้ภายใน 1 วันเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองแล้ว ถ้าเป็นหนุ่ม ๆ ควรดื่มให้ได้วันละ 3 ลิตร (ประมาณ 13 แก้ว) ส่วนสาว ๆ วันละ 2.2 ลิตร (ประมาณ 9 แก้ว)

สําหรับสาว ๆ สปอร์ตี้เกิร์ล จะต้องดื่มน้ำในปริมาณที่เยอะกว่าคนปกติ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของกิจกรรมที่ทําด้วย ถ้าคุณออกกําลังกายในช่วงสั้น ๆ ก็ควรจะดื่มน้ำเพิ่มเข้าไปครั้งละ 1-2 แก้วหลังจากออกกําลังกายแล้ว แต่ถ้าเป็นช่วงยาว ๆ ละก็เพิ่มขึ้นอีกสัก 2-3 แก้วก็ น่าจะเพียงพอแล้ว

ดื่มตอนไหน เวิร์กสุด ๆ

++ ตื่นนอนตอนเช้า 1 แก้ว (400 ซี.ซี.) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ

++ ตอนสายๆ 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9 โมงถึง 10 โมงเช้า) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทํางานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชําระของเสียเหล่านั้นออกไป

++ ตอนบ่ายๆ 3 แก้ว (เวลาประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสอง)

++ ตอนเย็น 3 แก้ว (เวลาประมาณ 1 ทุ่มถึง 2 ทุ่ม)

++ ก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลําไส้และกระเพาะอาหาร และยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น

วอฟเฟิล (รวมหลายสูตร)แบบกรอบ


สูตรนี้สำหรับทาน 6 คนนะคะ

ส่วนผสมนะคะเนยนุ่มๆ 160 กรัม

แป้งสาลีเอนกประสงค์ 400 กรัม

น้ำตาล 50 กรัม ผงฟู 1/4 ช้อนชา

น้ำตาลวานิลา 50 กรัม

นมจืด 200 มิลลิลิตร

ไข่ 2 ฟอง

น้ำตาล+อบเชย

สำหรับโรยหน้าวอฟเฟิลวิธีทำ

1. ร่อนแป้งกับผงฟูรวมกันพักไว้ แล้วอุ่นเตาวอฟเฟิลไว้เลยค่ะ

2. ตีเนยกับน้ำตาลและน้ำตาลวานิลลาด้วยความเร็วกลางจนเป็นครีม

3. ใส่ไข่ทีละใบ ตีด้วยความเร็วต่ำสุดให้เข้ากัน

4. ใส่แป้งครั้งละประมาณ 1/2 ถ้วย ตีให้เข้ากัน สลับกับใส่นมตีด้วยความเร็วต่ำต่อไปเรื่อยๆ จนหมดแป้งและส่วนผสมเข้ากันดี

5. ทาเนยบางๆ ที่เครื่อง ใส่ส่วนผสมลงไปตรงกลาง มากน้อยตามชอบว่าอยากจะทำแผ่นเล็กหรือใหญ่นะคะ จากนั้นก็อบจนได้สีเข้ม-อ่อนตามที่ต้องการ

6. ผสมน้ำตาลกับอบเชยเข้าด้วยกัน นำไปโรยหน้าวอฟเฟิลตอนที่เอาออกจากเตาร้อนๆ

8ข้อตกลงก่อนที่จะรักกัน

1. แต่งตัวหรือช้อปปิ้งนานเกินเหตุ ก็บอกคนรักก่อนที่เขาจะไปกับเรา
2. ต้องบอกลวงหน้า ถ้าไม่ว่างหรือจะมาช้า
3. อย่าผิดนัดบ่อย ( เพราะจะรู้สุกเบื่อมาก ๆๆ )
4. ไม่ควรพูดจาหยาบคายหรือตะคอกใส่กัน ( เพราะจะทำให้เรา(เขา)รู้สึกเสียใจและเกิดอาการน้อยใจ )
5. ห้ามขู่หรือทำร้ายร่างกาย ( โดยเดดขาด เพราะเราเขา จะทนไม่ได้)
6. ห้ามหลี่ชาย( หญิง ) อื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง คนรัก ( เพราะจะทำให่เรา(เขา)รู้สึกด่อยหรือไม่มั่นใจตัวเอง)
7. อย่าโกหกในเรื่องสำคัญ ๆเช่น เรื่องครอบครัว การทำงาน และเรื่องส่วนตัว ถ้าจับได้ทีหลังมันเสียความรู้สึก ( สำคัญมาก ๆๆ)
8. ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกเบื่อหรือไม่เหมือนเดิมให้รีบบอกอีกฝ่ายหนึ่งทันที(โดยด่วน เพราะจะได้เตรียมใจทัน )
แต่ที่บอกกล่าวมาในข้างต้น ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตามเสมอไป เราควรเว้น ช่องว่าง ไว้ให้กันบ้าง เพื่อที่จะได้มีเวลาเป็นส่วนตัว ถ้าเกิดคิดจะติดอยู่ในกรอบของใครของมันแบบนี้ ไม่ได้ทำให้มีความสุขทั้งสองฝ่ายหรอกนะคะ ลองคิดดูก่อนเพราะถ้าเกิดตั้งกฎขึ้นมา ตอนแรกเขาอาจจะรับได้แต่พอเรื่อย ๆไป เราอาจจะไปบังคับเขาไม่ได้แล้วค่ะ

เฮ้อ!หยุด4วันไม่มีอะไรทำเลยอะ

เบื่อจังเลยหยุด4วันไม่มีอะไรทำเลยเซ็งมากๆปะกี้พึ่งทำงานไปไม่เก็บพี่ไปนั่งงานยับยู่ยี้เลย ลยต้องทำใหม่เลยอะเสียเวลาฟรีเลย แงๆ.... ไปละนะค่ะ

วันนี้ปวดท้องจังลยง่า

ง่า~วันนี้ปวดท้องจังเลยง่า ไปทำบุญแต่เช้าแล้วไปกินข้าวแล้วปวดท้องเลยอะ(ไปทำบุญแล้วได้บาปหรอเนี่ย)ไปละนะ บายค่ะ ว่างๆจะมาอัพต่อนะ

10พฤติกรรมที่ทำให้สมองฝ่อเร็ว

วันนี้เกร็ดความรู้มี 10 พฤติกรรมที่ทำให้สมองฝ่อเร็วมาบอกกัน...

1. ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี่จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม

2. กินอาหารมากเกินไป การกินมากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น

3. การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคสมองฝ่อและโรคอัลไซเมอร์

4. ทานของหวานมากเกินไป จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาของสมอง

5. มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกาย การสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อย ส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง

6. การอดนอน การนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อน การอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้

7. นอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง เหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว

9. ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมอง การขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ

10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง

รู้อย่างนี้แล้ว ก็หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กล่าวมาจะดีกว่า เพื่อจะได้มีสมองที่ดี.

วันนี้รุ่นพี่ที่โรงเรียนไปเวียนเทียนมาด้วย



รุ่นพี่ไปเวียนเทียนกันมาด้วย(ไม่บอกกันบ้างเลยนะ อิอิ ล้อเล่น)มีรูปมาให้ดูด้วย

ไปละนะค่ะ บายค่ะ


วันนี้ไม่ได้ไปเรียนพิเศษ...แต่ได้เจอรุ่นพี่

*0* วันนี้ไม่ได้เรียนพิเศษแต่ได้เจอP'Soyที่ซอย2ด้วยดีใจๆเปงวันหยุดแท้ๆแต่ได้เจอรุ่นพี่อยากไปโรงเรียนจังอยากซ้อมแอโรบิคจังเลยหยุด2วันนี้ต้องขยันทำการบ้านละนะ ไปละค่ะทุกคนแล้วตอนเย็นๆถ้าว่างจะมาอัพใหม่ค่ะ บายค่ะ *0*

รูปจากวันภาษาไทยและวันสุนทรภู่เจ้าค่ะ...







ไปละนะทุกคนเริ่มง่วงละมาอัพก่อนนอน บายค่ะฝันดีนะค่ะทุกคน
...บายค่ะ...

และแล้ววันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะค่ะ

วันนี้สนุกมากๆเลยอะค่ะ เพราะได้ออกกำลังกายนี่แหละเดี๋ยวก็ไปซื้อน้ำแข็งเดี๋ยวก็ไปแลกเหรียญแต่ไม่ท้อกับการที่ได้ขายของและทอนตังค์สนุกมากๆ สนุกจนไม่อยากเลิกเลยอะค่ะ แล้วก็ไปอุดหนุนมาหลายอย่างเหมือนกานอิ่มเลยอะได้กินน้ำเฉาก๊วย ได้กินขนมตาล ได้กินขนมจีบ แล้วตอนเย็นก็ได้ซ้อมแอโรบิคอย่างสนุกสนานวันนี้มีท่าใหม่ด้วยแต่ก็สวยเปงท่าอุนตร้าแมน(เขียนผิดป่าวนิ)เปงท่าที่P'Bellชอบด้วย และตอนเช้าเห็นพวกP'Aom,P'Louktan,P'Mint,P'Som หมดละแค่นี้อะเท่าที่เห็นแล้วก็มีP'Timก็สวยดี เห็นP'Soyปะแป้งมาตลกสุดๆเลยอะP'Soyไปได้ไง...
ไม่อยากหยุดเลยอะมันสนุกมากๆอยากไปโรงเรียนอะถึงพวกP'Bellจะไม่อยากก็เหอะแต่ปุ้ยอยากไปมากๆ
...ไปละนะทุกคน...